ลักษณะของผู้สอบบัญชี ตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้สอบบัญชี หมายความว่า
ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชี พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี
พ.ศ. 2547
(เป็นกฎหมายใหม่ที่ประกาศใช้ทดแทนพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505
มีทั้งหมด 78 มาตรา จัดแบ่งเป็น 9 หมวดและบทเฉพาะกาล) โดยใบอนุญาตนั้นยังไม่ขาดอายุ
ไม่ถูกพัก ไม่ถูกเพิกถอน ดังนั้น ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตก็ดี หรือผู้ได้รับใบอนุญาตแล้วแต่ขาดต่ออายุใบอนุญาต
ถูกพักใช้ใบอนุญาตหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตก็ดี ย่อมไม่เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
หากลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชีของธุรกิจใดที่กฎหมายบัญญัติให้มีการสอบบัญชีหรือให้สอบไปแล้วย่อมมีความผิด
และอาจได้รับโทษตามกฎหมาย การขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตนั้น ผู้จะขึ้นทะเบียนต้องมีพื้นความรู้และลักษณะครบถ้วน
ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนี้
1. เป็นผู้ได้รับปริญญาทางการบัญชี หรือประกาศนียบัตรทางการบัญชี ซึ่ง
ก.บช.เทียบว่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชี
หรือเป็นผู้ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีที่มีการศึกษา
วิชาการบัญชี ซึ่ง ก.บช. เห็นสมควรให้เป็นผู้สอบบัญชี รับอนุญาต เรื่องพื้นฐานความรู้ของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเช่น
ผู้ได้รับปริญญาบัญชีบัณฑิต ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางการบัญชี ผู้ได้รับ A.C.A. หรือ Bachelor of Business
Administration (Major in Accounting) เหล่านี้ ก.บช.(คณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบัญชี) ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นปริญญา และประกาศนียบัตรทางการบัญชี
เทียบได้ว่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชีแล้ว
2. เคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีมาแล้ว
โดย ก.บช. เห็นว่าทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้เรื่องนี้ ก.บช. ได้พิจารณาและยึดถือเป็นหลักปฏิบัติว่า ผู้เคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีมาแล้วจากการหาผู้สอบบัญชี
ซึ่ง ก.บช. เห็นว่าทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้นั้น
ต้องมีการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีกับผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า
3,000 ชั่วโมง การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีดังกล่าวจะกระทำในระหว่างการศึกษาเพื่อรับปริญญาหรือประกาศนียบัตร
หรือจะกระทำภายหลังได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรก็ได้
3. มีอายุยี่สิบปี
4. มีสัญชาติไทย หรือมีสัญชาติของประเทศที่ยินยอมให้บุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้สอบบัญชีในประเทศนั้นได้
5. ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
6.
ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่ ก.บช.
เห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
7. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
8. ไม่ประกอบอาชีพอย่างอื่นที่ไม่เหมาะสมหรือทำให้ขาดความเป็นอิสระในหน้าที่ผู้สอบบัญชี
เรื่องการประกอบอาชีพอย่างอื่นที่ไม่เหมาะสมหรือทำให้ขาดความเป็นอิสระในหน้าที่ผู้สอบบัญชี
การประกอบอาชีพใดจะถือว่าไม่เหมาะสมหรือทำให้ขาดความเป็นอิสระในหน้าที่ผู้สอบบัญชีขึ้นอยู่กับอาชีพ
และข้อเท็จจริงแต่ละกรณี ก.บช. ยังไม่เคยปฏิเสธการรับขึ้น
ทะเบียนเพราะเห็นว่าประกอบอาชีพไม่เหมาะสม หรือทำให้ขาดความเป็นอิสระในหน้าที่ผู้สอบบัญชี
แม้ผู้ซึ่งรับราชการก็อาจขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ หน้าที่ของผู้สอบบัญชี
มีสิทธิลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชีในฐานะผู้สอบบัญชีของธุรกิจที่กฎหมายบัญญัติให้มีการสอบบัญชีหรือให้มีผู้สอบบัญชี
และมีสิทธิลงลายมือชื่อรับรองเอกสารในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีผู้สอบบัญชีรับรองสำหรับสิทธิประการแรก
ผู้ซึ่งมิได้เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชีในฐานะผู้สอบบัญชีไม่
ได้ ถ้าฝ่าฝืนก็มีความผิด แต่สำหรับสิทธิประการที่สอง มีผลแต่เพียงว่า
เอกสารที่ทำขึ้นไม่มีผลตามกฎหมายนั้นๆ ถ้ามิได้รับรองโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมีหน้าที่ คือ ต้องรักษามรรยาทตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวงถ้าฝ่าฝืนอาจถูกสั่งพักหรือ
เพิกถอนใบอนุญาต และในกรณีที่มีการย้ายสำนักงานหรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนต้อง
แจ้งต่อ นายทะเบียนภายในกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชี คือ เป็นความรับผิดต่อบุคคลที่สามอย่างลูกหนี้ร่วม ในกรณีที่ผู้สอบบัญชีต้องรับผิดชอบต่อบุคคลที่สาม
กฎหมายได้กำหนดให้นิติบุคคลซึ่งผู้สอบบัญชีนั้นสังกัดอยู่
ร่วมรับผิดชอบด้วยอย่างลูกหนี้ร่วม ในกรณีที่ยังไม่สามารถชำระค่าเสียหายตามความรับผิดชอบนั้นได้ครบจำนวน หุ้นส่วนหรือกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล หรือผู้แทนนิติบุคคลใด
ซึ่งต้องรับผิดชอบในการดำเนินการของนิติบุคคลนั้น ต้องร่วมรับผิดจนครบจำนวน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้มีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมในการกระทำผิดที่ต้องรับ
จะเห็นได้ว่าวิชาชีพตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีเป็นการปฏิบัติตามกฏหมายกำหนด
ซึ่งครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงบทบาทของผู้สอบบัญชีตามมาตรฐานการตรวจสอบบัญชีกันครับ
BY : AMTaudit
www.amtaudit.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น