วิธีการคัดเลือกผู้สอบบัญชี
ในการดำเนินธุรกิจนั้น จำเป็นต้องมีการจัดทำงบการเงิน ซึ่งจะเป็นแหล่งข้อมูลหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละรอบเวลา
โดยงบการเงินนี้จะต้องมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ และเนื่องจากเหตุผลทั้งทางกฎหมายและความต้องการสร้างความเชื่อมั่นในงบการเงินให้แก่นักลงทุน
และบุคคลที่มีส่วนได้เสียกับกิจการจึงจำเป็นต้องจัดหาผู้สอบบัญชีรับอนุญาตซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีความเป็นอิสระเข้ามาปฏิบัติงานตรวจสอบและรับรอบงบการเงินของกิจการนั้นๆ
ซึ่งผู้สอบบัญชีจะมีอํานาจตรวจสอบบัญชี
เอกสารและหลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวกับรายได้รายจ่ายตลอดจนทรัพย์สิน และหนี้สินของบริษัทได้
และมีอํานาจสอบถามกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ดํารง ตําแหน่งหน้าที่ใดๆ ของบริษัท
และตัวแทนของบริษัท ในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดทำบัญชี โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะต้องปฏิบัติงานภายใต้พระราชบัญญัติ
กฎระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรฐานต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง
ในการคัดเลือกผู้สอบบัญชีของบริษัทนั้นจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ
โดยประการแรกผู้สอบบัญชีนั้นจะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ได้
แต่ต้องไม่เป็นกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ดํารงตําแหน่งใดๆ ของบริษัท และบริษัทจะต้องเลือกใช้บริการผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีที่มีใบอนุญาต
ซึ่งรายชื่อผู้สอบบัญชีรับอนุญาตนั้น สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งในการคัดเลือกผู้สอบบัญชี คือ
ผู้สอบบัญชีที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกควรเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ
และความชำนาญในวิชาชีพบัญชีเป็นพิเศษ และควรมีความรู้ความชำนาญ
มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน
ตลอดจนมีการพัฒนาความรู้ทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถตรวจสอบบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากนั้นจะพิจารณาว่าผู้สอบบัญชีรายนั้นสามารถปฏิบัติงานตามวิชาชีพและรักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพได้เป็นอย่างดีหรือไม่
โดยหลักจรรยาบรรณพื้นฐานที่ผู้สอบบัญชีต้องมี ได้แก่ ความโปร่งใส มีความเป็นอิสระแสดงความเห็นในรายงานการสอบบัญชี
โดยไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลใดๆ
ความเที่ยงธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต
มีความรู้ความสามารถและมาตรฐานในการปฏิบัติงานจนสามารถรวบรวมหลักฐานการตรวจสอบให้เป็นที่เพียงพอแก่การแสดงความเห็นในรายงานการสอบบัญชี
โดยปราศจากการคาดคะเนใดๆ รวมทั้งมีความรับผิดชอบต่อผู้รับบริการและรักษาความลับได้
และมีความรับผิดชอบต่อบุคคล หรือนิติบุคคลที่ผู้ประกอบวิชาชีพปฏิบัติหน้าที่ให้ ในลำดับถัดมาบริษัทจะพิจารณาจากปัจจัยอื่น
ได้แก่ คุณภาพการทำงานและการได้รับการยอมรับ ชื่อเสียงของผู้สอบบัญชีและสำนักงานบัญชี
และค่าบริการที่เหมาะสม ไม่แพงหรือถูกจนเกินไป เพราะตามปกติแล้ว ผู้สอบบัญชีหนึ่งคนจะรับงานได้ไม่มากนัก และแม้ว่าผู้สอบบัญชี 1
คนจะสามารถมีผู้ช่วยได้ 10 คน
แต่หากมีอัตราการรับงานมากเกินไปก็จะกระทบต่อประสิทธิภาพในการตรวจสอบบัญชีได้
ปกติแล้วผู้ให้บริการตรวจสอบบัญชีในประเทศไทยจะอยู่ในรูปแบบของบุคคลธรรมดา
และ บริษัทจำกัด / ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าสำนักงานบัญชี โดยเมื่อบริษัทตกลงที่จะจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีคนใด
หรือจากสำนักงานใดแล้ว จะต้องมีการทำหนังสือข้อตกลงว่าจ้างและแต่งตั้งให้เป็นผู้สอบบัญชี
และผู้สอบบัญชีจะจัดทำหนังสือตอบรับงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี รวมถึงจัดทำแนวทางการสอบบัญชีสำหรับงานที่รับตรวจสอบไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ทราบถึงวิธีการปฏิบัติงานตรวจสอบ
และจัดเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่กระบวนการและขั้นตอนในการตรวจสอบบัญชีต่อไป
By : AMTaudit
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น